วันอังคารที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2554

การติดแท็งค์

วิธีการติดแท็งค์ Canon MP258

1. ตำแหน่งการเจาะช่องสีแดงจะต้องต่ำกว่าปกติ (ดูตามรูป)


2. วางฐานยางลงไปในช่องที่เจาะ จากนั้นนำปืนกาวยิงโดยรอบของฐานยางทุกสีเพื่อไม่ให้อากาศเข้าไปได้เพราะหากอากาศเข้าไปได้จะทำให้หมึกพิมพ์ไหลย้อนกลับหรืออาจไม่มีแรงดูด 
หมึกพิมพ์ขึ้นมาโดยเฉพาะสีแดง ต้องทำการปิดรูเดิมของตลับหมึกพิมพ์ด้วย (ดูตามรูป)


3. หลังจากที่ยิงกาวรอบฐานยางเสร็จแล้ว ให้เสียบสายแพที่มีข้อต่อพร้อมเข็มลงไปตามช่องสี โดยวางสายแพไปทางด้านขวา


4. หลังจากที่วางสายแพไปทางด้านขวาแล้วให้วนสายแพกลับไปทางด้านซ้าย จากนั้นทำการปิดฝาครอบตลับหมึกพิมพ์ลง หลังจากที่ปิดฝาครอบตลับหมึกพิมพ์ลงแล้ว ให้ตรวจสอบดูด้วยว่าช่วงสายแพที่ทำการวนกลับนั้นเกิดการหักงอหรือไม่ โดยการทดสอบขยับซ้ายขวาดูว่าสายแพสามารถขยับได้หรือไม่ ถ้าขยับไม่ได้แสดงว่าสายแำพโดนหนีบแน่นจนเกินไปให้ทำการขยับสายแพใหม่อีกครั้งนึง


5. ดันหัวพิมพ์ไปทางขวาจนสุด นำตัวแขวนสายน้ำหมึกหนีบสายไว้ในตำแหน่งกลางเครื่อง (ตำแหน่งตรงกลางของเครื่องภายในช่องด้านบน)


6. สายแพน้ำหมึกหลังจากที่ดันหัวพิมพ์ไปทางด้านขวา

การเติมหมึกเลเซอร์

         จุดประสงค์หลักของการทำธุรกิจ Recycle-Toner cartridge การเติมหมึกLaser jet หรือการทำตลับหมึก Remanu Laser jet คือการนำทรัพยากรธรรมชาติกลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยผ่านกระบวน การผลิตซ้ำ
จึงเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่ช่วยประหยัดทรัพยากรธรรมชาติ ลดการนำเข้าจากต่างประเทศและช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ ถึง 60-70% ทำให้ลดค่าใช้จ่ายลงอย่างมาก
การ Recycle-Toner cartridge คือการนำตลับหมึก Laser jet ที่ใช้หมดแล้วนำกับมาใช้ใหม่อีกครั้ง ด้วยวิธีการเติมหมึกเข้าไปใหม่โดยใช้หลักการ เดียวกันกับกระบวนการผลิตตลับหมึก Original ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าใช้งานได้ 100%
12a-02การเติมหมึก ทางร้านจะมีเครื่องปริ้นเตอร์ Laser jet ใว้ test ( สำหรับบางรุ่นที่ลูกค้าใช้เป็นส่วนใหญ่ ) เพื่อทำการทดสอบการใช้งานว่าผ่านตามมาตรฐานจากทางร้าน? และเพื่อให้ลูกค้า มั่นใจได้ว่าตลับหมึกใช้งานได้จริง เมื่อเติมหมึกเสร็จทางร้านจะติด warranty รับประกันให้ลูกค้า ทางร้านจะรับประกันตลับหมึกที่เกิดจากการรั่วออกมาและต้องเกิดจากการใช้งาน จริง ทางร้านยินดีแก้ไขให้ทันที โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ( ยกเว้น เกิดจากการเสื่อมสภาพของอะไหล่บางตัว ซึ่งต้องทำการเปลี่ยน อาทิ ตัว Drum ,ลูกยาง ซึ่งทางร้านมีอะไหล่ขายในราคาประหยัด )
อาการเสียที่พบบ่อยอันเกิดจากการเสื่อมสภาพตามปกติของตลับหมึก คือตัว Drum อาการเสียคือเวลาปริ้น ออกมาจะมีแถบดำด้านข้าง สาเหตุที่ตัว Drum ในตลับหมึกเสียเร็ว ขึ้นอยู่กับการใช้งานของลูกค้า เช่น สั่งปริ้นงานต่อเนื่อง ติดต่อกันหลายชั่วโมง โดยไม่มีการหยุดพักเครื่อง ทำให้เกิดความร้อนสูง Drumจึงมีโอกาสเสียเร็วกว่าปกติ หรืออาจเสื่อมไปตามสภาพ เพราะตัว Drum ถือว่าเป็นอะไหล่สิ้นแปลือง Drum 1 ตัว จะใช้งานได้ประมาณ 2 รอบ เมื่อนับจากการเติม หรือ อาจจะมากกว่านั้นขึ้นอยู่กับการใช้งานนั่นเอง
การเก็บรักษาตลับหมึก Laser Jet เมื่อใช้หมด ควรเก็บไว้ในกล่องอย่าให้โดนแสง ควรเก็บไว้อย่างมิดชิด จะทำให้ยืดอายุการใช้งานของอะไหล่บางตัวในตลับหมึก เมื่อนำกลับมาเติมใหม่อีกครั้ง

หลักการทำงานของเครื่องปริ้นเตอร์ Laser Jet? เป็นเครื่องปริ้นเตอร์
laser-printer-laser-computer2care
 ชนิดใช้ผงหมึก (Toner) ทำงานร่วมพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้า (Electromagnet) และพลังงานไฟฟ้าสถิตย์(Electrostatic) ซึ่งทำงานโดยลูกกลิ้งที่มีพลังงานแม่เหล็ก (Magnetic Roller ) จะดูดผงหมึก (Toner) ให้ติดกับตัวลูกกลิ้ง และต่อจากนั้น ผงหมึก (Toner) ก็จะถูกรีดให้ไปติดกับตัวลูกกลิ้ง ( OPC DRUM ) ที่มีพลังงานไฟฟ้าสถิตย์อยู่ ซึ่งได้รับสัญญาณไฟฟ้าที่ส่งมาจากเครื่องคอมพิวเตอร์ และให้ลูกกลิ้ง( OPC DRUM ) รีดผงหมึก (Toner) ให้ติดกับกระดาษตามภาพ หรือตัวอักษรที่ต้องการ





          หมึก เติมเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด แต่คนส่วนมากกลับไม่ค่อยให้ความสำคัญ หมึกเติมที่ดีจะช่วยให้หัวพิมพ์ไม่อุดตัน และช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องปริ้นเตอร์ให้ใช้งานไปได้นาน การซื้อหมึกเติมที่คุณภาพต่ำมาเติม จริงอยู่ที่ราคาอาจจะถูก
แต่เติมแล้วหัวพิมพ์ตัน ถ้าหัวพิมพ์ตันไม่สามารถล้างออกได้ ต้องได้เปลี่ยนหัวพิมพ์ใหม่ ซึ่งราคาแพงกว่าหมึกเติมหลายเท่าตัว มันไม่คุ้มครับ หมึกเกรดต่ำราคาจะอยู่ ราวๆ 40-80 บาท ถ้าเอามาเติมแล้วหัวพิมพ์ตัน ต้องได้ซื้อหัวพิมพ์ใหม่ราคา ราวๆ 600-900 บาท เมื่อเทียบกับการซื้อหมึกเกรดดีราคาแพงกว่าอีกนิดหน่อย มันคุ้มกว่าที่จะซื้อหมึกถูกๆ แล้วเสียเงินค้าซื้อหัวพิมพ์ใหม่ราคาแพงกว่าหลายเท่า

หมึกจะมีส่วนผลสมทั้ง หัวเชื้อน้ำและ หัวเชื้อผง ถ้าเป็นผง คือเค้าจะเอาผงสีมาละลายในน้ำ
ม่ใช่น้ำเปล่านะครับ ผมก็ไม่รู้ว่าสูตรเค้ามีอะไร แต่ที่ได้ยินมาคือ เป็นผงเหมือน ผงสีผสมอาหาร ดังนั้น หากผงที่เค้านำมาผสม มีขนาดเม็ดที่ใหญ่ เมื่อไปใส่หัวพิมพ์ ซึ่งมีขนาดเป็น นาโน เมตร 1 เมตร = 1000000000 นาโนเมตร? เอา เส้นยาว 1 เมตรหารด้วย พันล้าน เท่ากับ 1 รูของหัวพิมพ์ คิดดูครับ ว่ารูของหัวพิมพ์แต่ละรูมันเล็กขนาดไหน? ถ้าผงที่นำมาผลิตน้ำหมึกมันเม็ดใหญ่ มันก็จะไปอุดตันหัวพิมพ์ เทียบง่ายๆ เหมือนแป้งทำขนม กับแพงทาหน้า ขนาดของเม็ด มันจะต่างกันครับ แป้งทาหน้าจะละเอียดมากกว่าหลายเท่า แต่ก็ยังไม่สามารถเอามาทำผงน้ำหมึกได้ ถ้าหมึกเกรดต่ำ เครื่องจักรที่ผลิตก็จะราคาถูก เทคโนโลยีผลิตไม่ได้ขนาดเท่าที่ต้องการมันถึงทำให้ราคาถูก การที่หมึกเติมเค้าทำราคาถูกๆได้เพราะอะไร เพราะเกรดวัสดุที่นำมาใช้เป็นส่วนผสมคุณภาพต่ำ ราคาถึงได้ถูก เมื่อต้นทุนเค้าถูก เค้าถึงสามารถขายสินค้าของเค้าราคาถูกได้ คุณลองนึกตามหลักความเป็นจริงครับ เช่น

สมมุติคุณตั้งโรงงานผลิตสินค้าซักอย่างขาย สมมุติเป็นน้ำปลาแล้วกัน คุณซื้อปลาจากชาวประมงกิโลละ 7 บาท แล้วก็ซื้อเลือทะเลมา กิโลละ 1 บาท แล้วทำการหมักเป็นปีๆ แล้วซื้อขวดมาบรรจุ ราคา 1 บาท? ติดฉลาก 0.5 บาท? ใส่กล่อง เฉลี่ยค่ากล่องต่อขวด? 0.5 บาท รวมราคาต้นทุนทั้งหมด 10 บาท?? คุณก็ต้องขาย 11-13 บาท กว่าจะถึงร้านขายของชำ ต้องบวกค่าขนส่งอีก ถึงมือลูกค้าที่ 18 บาท

คราวนี้มาดูอีกโรงงานนึง? เค้าไปซื้อเกลือมา กิโลละ 1 บาท เช่นกัน แล้วเอามาละลายในน้ำค่าน้ำสมมุติ 0.01 บาท ใส่สีให้เหมือนน้ำปลา 0.02 บาท แล้วบรรจุขวด? ราคา 1 บาท ติดฉลาก ราคา 0.5 บาท ใส่กล่อง เฉลี่ยค่ากล่องต่อขวด? 0.5 บาท? รวมราคาต้นทุน 3.03 บาทต่อขวด คุณก็สามารถขายที่ราคา 4-5 บาท? กว่าจะถึงร้านขายของชำ ต้องบวกค่าขนส่งอีก ถึงมือลูกค้าที่ 7 บาท?

จากโรงงานทั้ง 2 จะเห็นว่า น้ำ ปลาที่ราคา 18 บาท ทำจากปลาแท้ 100% แต่อีกเจ้า เป็นนำใส่เกลือ แต่งสีแต่งกลิ่น ไม่มีส่วนของปลาแม้แต่เปอร์เซ็นต์ ขายที่ราคา 7 บาท แต่จะให้น้ำปลาแท้ 100% มาขายสู้ราคา ที่ 10 บาทก้ไม่ได้เพราะแค่ราคา 10 บาทก็เท่ากับต้นทุนของเค้าแล้ว ดังนั้น ถ้าคุณซื้อน้ำปลาที่ราคา 7 บาท นั้นคือคุณได้น้ำปลาปลอมไปแล้วครับ จงจำไว้ว่า ของถูกและดีไม่มีในโลดครับ
จากตัวอย่างคงพอเข้าใจแล้วใช่มั๊ยครับ ว่าหมึกทำไมราคามันถึงต่างกันได้ ของดีๆราคาจะอยู่ราวๆ 100-250 บาทต่อ 1 ขวด 100ซีซี? แต่ของเกรดต่ำจะอยู่ราคา 40-80 บาทต่อขวด แต่อย่ายึดที่ราคาอย่างเดียวไม่ได้ครับ เพราะพวกที่เอาถูกถูกๆมาขายแพงก็มีครับ เช่นซื้อมา 20 มาขายที่ 100 ก็เป็นไปได้ ความยากของมันคือคุณเลือกซื้อแบรนด์ที่โฆษณาใน ทีวี หรือ นิตยสาร แล้วกันครับ ราคาอาจจะแพงกว่าหน่อย เพราะเค้าต้องมาค่าการตลาด คือค่าลงโฆษณา นั้นเอง แบรนด์ดังๆ ก็จะมี Freejet, Inkman, IT-ink, Easyjet Inkcolor Obok, Mr.ink Leader Compute POP INKTech

ต้องขอออกตัวก่อนนะครับว่า ยี่ห้อที่กล่าวมาทั้งหมด ผมไม่ได้เชียร์เพราะมีส่วนได้ส่วนเสียกับสินค้ายี่ห้อ ดังที่ได้กล่าวด้านบน
นอกจากแบรนด์ของผมเองเท่านั้น แต่ที่ผมได้กล่าวถึงคือ ผมได้รับความร่วมมือจาก สินค้ายี่ห้อทั้งหมดเหล่านั้น มาเพื่อเป็นตัวอย่างในการทดสอบ และมีอีกหลายยี่ห้อที่ส่งสินค้าตัวอย่างมาแล้ว ผมทดสอบแล้วไม่ค่อยประทับใจ ถึงไม่ได้พูดถึงยี่ห้อเหล่านั้น และยี่ห้ออื่นๆในตลาดอีกมากมายที่ผมไม่ได้ทดสอบ แต่ไม่ใช่จะไม่ดีนะครับ ยังไงคุณก็เลือกใช้เอาแล้วกันครับ ทดสอบเองเลยจะได้รู้ครับ แต่จากยี่ห้อที่ผมแนะนำ ทั้งหมดใช้ได้เลยครับ ไม่ต้องคิดมากด้วย เพราะผมได้ทดสอบทั้งหมดแล้ว ว่า OK แน่นอน แต่จากยี่ห้อที่ผมแนะ ผมชอบจริงๆอยู่แค่ 4 ยี่ห้อ ไม่นับยี่ห้อของร้านผมนะครับ INK-JET และ INK-SHOP เดี๋ยว จะหาว่าผมลำเอียง เชียร์ของตัวเอง ผมเป็นกลางเสมอครับ ดีก็ว่าดี ไม่ดีก็ว่าไม่ดี ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง ยี่ห้อที่ผมทดสอบแล้ว ใช้ได้ดีมาก คือ Freejet? Easyjet Leader Inkcolor ทดสอบดูด้วยตัวเองนะครับแล้วจะรู้ อย่าพึ่งเชื่อในสิ่งที่เราไม่ได้เห็นด้วยตา